วันพฤหัสบดีที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ประวัติดนตรี Acoustic


ประวัติดนตรี Acoustic
หลังจากกรีกเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรโรมัน ใน 146 ปี ก่อนคริสตศักราช อาณาจักรโรมันรับเอาวัฒนธรรมการดนตรีของกรีกไปทั้งหมด โดยมิได้มีการพัฒนา
รูปแบบของดนตรีไปสักเท่าไรนักยังคงใช้รูปแบบการร้องเสียงเดียว (Monophony) ซึ่งเรียกว่า เพลนซอง (Plain Song) หรือแชนท์ (Chant)โดยมากแล้วแต่ละแห่ง
จะคำนึงถึงผลของการปฏิบัติมากกว่าที่จะยึดติดกับรูปแบบที่รับมาตายตัว
นักปราชญ์ทางดนตรีสมัยโรมันยึดทฤษฎีดนตรีของกรีกเป็นหลักแล้วนำมาผสมผสานกับทัศนะแบบเฮเลนิสติค เช่น โพลตินุส (Plotinus 205-270 A.D.) และศิษย์
ของเขาคนหนึ่งชื่อ พอร์ฟีรี (Porphyry 233-304 A.D.)ก็ได้เผยแพร่สั่งสอนทฤษฎีแบบเพลโตนิคใหม(Neo-Platonic) โพลตินุสได้ย้ำถึงอำนาจที่ดนตรีมีต่อจิตใจ
และจรรยาธรรมของมนุษย์ มีอำนาจในการชำระล้างจิตใจให้บริสุทธิ์พาใจให้พบความสวยงามและความดีงาม และในทางตรงกันข้ามดนตรีอาจมีอำนาจทำลาย
หากใช้ไปในทางที่ผิด ดังนั้นจึงได้มีความพยายามที่จะอนุรักษ์และกวดขันดนตรีที่ใช้ประกอบพิธีศาสนาและที่บรรเลงสำหรับการทหาร
ในสมัยหลัง ๆ การดนตรีได้เสื่อมลงมากเพราะถูกนำไปบรรเลงประกอบในโอกาสและสถานที่ซึ่งไม่เหมาะสมและการจัดการบรรเลงดนตรีแบบโอ่อ่าก็ไม่เป็นที่ สบอารมณ์
หมู่นักปราชญ์ทางดนตรีประเภทอนุรักษ์นิยมเท่าใดนักเช่นการจัดแสดงดนตรีวงมหึมา(Monter concert) ในสมัยของคารินุส (Carinus 284 A.D.) ได้มีการบรรเลงดนตรี
ที่ประกอบด้วยทรัมเปต 100 ชิ้นแตร (Horn)100 ชิ้น และเครื่องดนตรีอื่น ๆ อีก 200 ชิ้นถ้าจะกล่าวถึงชีวิตของนักดนตรีในสมัยนั้นก็พูด ได้ว่าคึกคักมากสมาคมสำหรับ
นักดนตรีอาชีพได้รับการจัดตั้งกันมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 7 ก่อนคริสต์ศักราช มีบทบาทในการเรียกร้องสิทธิ์ให้แก่สมาชิกในรุ่นหลัง ๆ
เมื่อออกุสตุสได้ขึ้นครองราชย์แล้วก็ได้ตั้งสมาคมสำหรับดนตรีที่บรรเลงเพลงประกอบพิธีศาสนาและสำหรับงานของราชการด้วยนักแต่งเพลงผู้มีฝีมือก็ได้รับการอุปถัมภ์
จากจักรพรรดิ เช่น การที่จักรพรรดิ์เนโรประทานวังให้แก่เมเนคราเตส (Menecrates) คีตกวีผู้มีชื่อคนหนึ่งของสมัยนั้น
โดยสรุปแล้วโรมันเอาความรู้จากกรีกไปเผยแพร่และปรับปรุงดัดแปลงให้เข้ากับสภาพความเป็นจริงในขณะนั้นเพื่อใช้ปลุกใจประชาชนให้เกิดความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
ซึ่งจะเป็นผลดีผลดีต่อการปกครองอาณาจักรที่กว้างใหญ่
จากการค้นพบมรดกทางดนตรีจากแถบตะวันออกของทะเลเมดิเตอเรเนียนเมื่อครั้งโบราณโดยเฉพาะจากกรีกโบราณผ่านโรมันเข้าสู่ยุโรปเปิดเผยให้เห็นถึงความรู้ดนตรี
ที่มีค่ายิ่งเพราะทฤษฎีเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์แห่งเสียง (Acoustic) ที่กรีกปูทางไว้ให้หลายเรื่องเช่น การกำหนดคุณสมบัติ และจัดระเบียบของเสียงระบบเสียงที่ก่อให้เกิด
บันไดเสียงต่าง ๆ หลักในการจัดหมวดหมู่ของลีลา หรือจังหวะ หลักเบื้องต้นในการประดิษฐ์เครื่องดนตรีระบบการบันทึกสัญลักษณ์ทางดนตรีรวมทั้งทำนองเพลงเก่า ๆ
ที่สะสมไว้ล้วนมีผลดีต่อการพัฒนาดนตรีตะวันตกต่อไป

Room 39

วงดนตรี Room39 เกิดจากนักดนตรีวง Mosquito Bite ที่เล่นดนตรีในประเทศสหรัฐอเมริกา ประกอบด้วย ทอม อิศรา (ส้มฉุน) และ มน ชุติมน วิจิตรทฤษฎี นักร้องนำ, แว่นใหญ่ โอฬาร ชูใจ หนุ่มแว่นโต มือกีต้าร์มือฉมัง และเพื่อน ๆ อีกหลายคน ที่รวมตัวกันร้องเพลงในร้านอาหารไทย ชื่อว่า "เครื่องเทศ" เมืองแอล เอ เกิดคิดสนุก ๆ อยากทำเพลงเล่นๆ แบบ ขำๆ ลง youtube เพราะมีความคิดว่าดนตรีไม่ได้จำกัดอยู่ในห้องอัด จึงรวมตัวกันในนาม "Room39" ซึ่งเป็นหมายเลขห้องของโอแป๊ก อพาร์ทเม้นเล็กๆ ที่พวกเขาผลิตผลงาน โดยผลงานของ Room39 ใน youtube ได้ร้องคัฟเวอร์เพลงของศิลปินดังหลายท่าน เช่น เพลง Lucky ของ Jason Mraz, เพลงเข้ากันไม่ได้ ของ Synkronize, เพลง Nothing on You ของ B.O.B และอีกหลายเพลง จนกระทั่งมีคนไทยกลุ่มหนึ่งไปพบคลิปของ Room39 ใน youtube เข้า และเอามาโพสต์บนเว็บไซต์แบ่งปันเพื่อนๆ ด้วยน้ำเสียงเพราะ ๆ ของ 2 นักร้องนำของ ทอม อิศรา และ มน ชุติมน บวกกับเสียงกีต้าร์ฟังสบายหูของ แว่นใหญ่ โอฬาร และฝีมือการมิกซ์-ตัดต่อภาพ และเสียงของ โอแป๊ก บวร อภัยวงศ์ ทำให้กระแสการตอบรับคลิปของพวกเขาบน youtube ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ชาวเน็ตหลาย ๆ ท่าน ถึงกับเรียกร้องให้วง "Room39" กลับมาออกอัลบั้มที่เมืองไทยเลยทีเดียว ล่าสุดสามสมาชิกของวง Room39 เซ็นสัญญาเข้ามาเป็นศิลปินเต็มตัวในสังกัด Loveis และ Room39 ได้ตระเวนออกโชว์ตัว สร้างกระแสฮือฮาอย่างมากมายในหมู่นักฟังเพลง ใครที่รอฟังเพลงของ Room39 ก็อดใจรอ เพราะตอนนี้พวกเขา Room39 กำลังทำซิงเกิลแรกร่วมกับ บอยด์ โกสิยพงษ์อยู่ ซึ่งเชื่อว่าคงได้ฟังกันเร็ว ๆ นี้ค่ะ หากเพื่อน ๆ คิดถึงRoom39 ก็สามารถเข้าไปฟังเพลงของ Room39 ใน youtube ได้เลย อย่าลืมให้กำลังใจพวกเขา Room39 กันด้วยนะคะ ซิงเกิลแรกของวง Room39 คือเพลงหน่วง กับค่าย LOVEIS





MiLD 


 ความอ่อนโยนและความนุ่มนวลที่สัมผัสได้จากดนตรี การรวมตัวของเด็กหนุ่มจากเชียงใหม่ที่รักในเสียงดนตรี และด้วยความสามารถที่พวกเขามีอยู่ทำให้วง MiLD เป็นที่ยอมรับเป็นที่รู้จักในกลุ่มวัยรุ่นเชียงใหม่ จากการเริ่มต้นโดยเล่นดนตรีตามงานต่างๆ พวกเขาก็เก็บสะสมประสบการณ์เรื่อยมา จนได้มีโอกาส ร่วมเล่นโชว์ในงานแฟตทีเชิตครั้งที่3 และรางวัลที่การันตรีถึงความสามารถของพวกเขา คือ รางวัลชนะเลิศพานาโซนิคสตาร์ชาเล้นท์ ปี 2003 และจากกลุ่มแฟนเพลงกลุ่มเล็กๆจากเชียงใหม่ที่ให้การตอบรับพวกเขาและคอยให้กำลังใจอย่างอบอุ่น ทำให้วันนี้ ซิงเกิ้ลเพลง อีก นาน ไหม ถือเป็นผลงาน ชิ้นแรก ในเส้นทางสายดนตรี
ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างสวยงามสำหรับ 6 หนุ่มวงมายด์หลังจากที่คลอดอัลบั้มเต็มไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นซิงเกิ้ลเพลงช้าหรือจังหวะสนุกๆ เพลง อีกนานไหม, Unlovable, รักล้นใจ, เสร็จ, หวานเย็น,บรรยากาศพาไป ขึ้นไต่อันดับชาร์ตไปแล้ว และ กระแสความแรงยังไม่หยุดแค่นี้ ล่าสุดยังได้รับกระแสตอบรับที่อบอุ่นจากเหล่าบรรดาน้องๆแฟนคลับ ความสำเร็จของก้าวแรกในเส้นทางสายดนตรีของพวกเขาการันตีความสามารถที่ไม่ใหม่ของพวกเขาได้เป็นอย่างดี กับรางวัลศิลปินหน้าใหม่ยอดเยี่ยมสุดซี้ดประจำปี 2552 และศิลปินหน้าใหม่ยอดเยี่ยมประจำปี Pop Music Awards 2009 ซิงเกิ้ลแรกอัลบั้มใหม่… “ผู้ป่วยความจำเสื่อม” ติดชาร์ตหลายสัปดาห์หลายคลื่นวิทยุ ได้รับกระแสตอบรับจากแฟนคลับอบอุ่นเช่นเดิม 6 หนุ่ม..มายด์ ขอถ่ายทอดผลงานเพลงรัก(ไม่สมหวัง)ล่าสุดกับซิงเกิ้ลสอง ...“เข้าใจ..แต่ทำไม่ได้” ที่รวบรวมความรู้สึกจากสิ่งต่างๆที่เคยเกิดขึ้นกับพวกเขาทั้งหก นำมาเรียบเรียงจากประสบการณ์ที่ผ่านมาบนเส้นทางสายดนตรีของพวกเขา







โรส ศิรินทิพย์
ได้รับรางวัลร้องเพลงรางวัลประกวดชนะเลิศ การประกวดร้องเพลงภาษาฝรั่งเศสประจำปีที่เซนต์จอห์น (St. John) จากสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ในตอนมัธยมปลาย และเคยได้รับรางวัลสีสันอวอร์ดสครั้งที่ 17 ในสาขาศิลปินหญิงเดี่ยวยอดเยี่ยม จากอัลบั้ม Time Machine ปี 2548 นอกจากนั้น โรส ศิรินทิพย์ ยังทำหน้าที่เป็นคอรัสและไกด์เพลงให้กับศิลปินคนอื่นๆ ในวงการดนตรีอีกมากมาย และโรสยังสามรถเล่นกีตาร์ เปียโน เบส และกลองโรส ศิรินทิพย์ ผู้หญิงเสียงดีที่มากับเครื่องดนตรี 6 สาย (กีตาร์) เจ้าของเพลงฮิต ก้อนหินก้อนนั้น โรส ศิรินทิพย์ใช้เวลาเก็บเกี่ยวประสบการณ์กว่า 4 ปี จึงได้มีอัลบั้มแรกเป็นของตัวเอง และอัลบั้มนี้เองทำให้ โรส คว้ารางวัลศิลปินหญิงยอดเยี่ยมจากการประกาศผลรางวัลสีสันอวอร์ดครั้งที่ 17 หลังจากนั้นโรสก็ได้มีผลงานเพลงออกมามากมาย ไม่ว่าจะเป็นผลงานที่ไปร่วมกับศิลปินอื่น ซิงเกิ้ลพิเศษทั้งเพลงไทยและสากล เพลงประกอบละคร รวมถึงอัลบั้มของตัวเอง พร้อมทั้งเป็นแขกรับเชิญ ในคอนเสิร์ตของศิลปินอีกมากมาย อาทิ คอนเสิร์ตเหตุเกิดที่เฉลียง คอนเสิร์ต แฟนซีแฟนซน เป็นต้น



Singular 
เส้นทางการเรียนรู้ ต่างสั่งสมประสบการณ์ในศาสตร์ทั้งสองแขนงมารวมหล่อหลอมจินตนาการเข้าด้วยกัน แล้วแต่งแต้มภาษาลงบนท่วงทำนองของดนตรี กับเสียงร้องอันละมุนละไม ของ
"Sin" (Vocal,Song-Writer) ที่เคยร่วมงานกับคณะประสานเสียงชื่อดังอย่าง La Salle Chorus และ Bangkok Opera และการถ่ายทอดผ่านเสียงกีต้าร์ที่พริ้วไหวของ "Nut" (Guitarist) ที่มีรางวัลชนะเลิศของ Yamaha มาการันตีความสามารถ จนได้ชิ้นงานในแบบของSingular ที่กลมกล่อม หอม และ Chill ในสไตล์ Metro-Acoustic ในโลกส่วนตัวของทั้งสองคนทั้ง "Sin" (Vocal,Song-Writer) และ "Nut" (Guitarist) ที่ใช้เวลาอยู่กับศิลปะและดนตรีมาตลอดชีวิตทั้งการเรียนรู้ ฝึกฝนด้วยตัวเอง และสั่งสมประสบการณ์ในเชิงลึก ทั้งทฤษฎีและปฏิบัติ Singular จึงเป็นดูโอทางดนตรีคู่ใหม่ที่สอดแทรกขึ้นมาเป็นอีกหนึ่งฟันเฟืองให้กับ "อุตสาหกรรมดนตรี" (เมืองไทย) ที่ทั้งสองคนรักมากที่สุด ได้ขับเคลื่อนไปข้างหน้า และเป็นอีกทางเลือกที่โดดเด่น ในฐานะศิลปินอินดี้หน้าใหม่ที่เท่ เซอร์มีฝีมือ เพลงเพราะและมีคุณภาพเพลง 24.7 (Twentyfour-Seven) 24 ชั่วโมง 7 วัน จากวังวนความคิดคำนึงถึงใครคนหนึ่ง ที่ไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้  บางคน...มีความสุขที่ได้คิดถึง แต่สำหรับบางคน...กลับต้องทรมานกับการรอคอย ความเหงา เศร้าแต่สวยงามในเพลงนี้ถูกถ่ายทอดด้วยเนื้อร้องและทำนองที่สละสลวย กลั่นกรองออกมาจาก "Sin" (ร้องนำ) และเมื่อได้ผสานเข้ากับดนตรีที่มีพื้นเป็น Bossanova กับกลิ่นอายของดนตรี Jazz ที่ "Nut" (กีต้าร์) ได้เรียบเรียงขึ้นมา ทำให้ 24.7 (Twentyfour-Seven) เป็นซิงเกิ้ลเปิดตัวที่จะทำให้ทุกคน รู้จักพวกเขาเป้นครั้งแรก และบ่งบอกความเป็น Singular ได้ชัดเจนที่สุด






สิงโต นำโชค
สิงโตเป็นลูกชายคนโตของศิลปินลูกทุ่ง ชื่อ ชายทุ่ง รุ้งโรจน์ หนุ่มชาวบุรีรัมย์ที่มีใจรักในเสียงดนตรี ออกเดินทางหาประสบการณ์ในการเล่นดนตรีไกลถึงภูเก็ตพร้อมกีตาร์คู่ใจ 1 ตัว จากความตั้งใจแรกที่จะอยู่เล่นดนตรีกลางคืนแค่สามเดือน แต่สุดท้ายแล้วกลับกลายเป็นสามปี ที่สะสม ทั้งประสบการณ์ การเล่นดนตรี การแต่งเพลง ทำให้ซึมซับวิธีการใช้ชีวิตที่เรียบง่าย สำหรับกิจกรรมยามว่างนอกเหนือจากการเล่นดนตรีคือการได้เล่นเซิร์ฟ หรือ การตระเวนหาร้านกาแฟบรรยากาศดีๆ เพื่อใช้สำหรับนั่งแต่งเพลง จนได้มาเจอกับร้านกาแฟชื่อ Anything Goes ซึ่งเจ้าของร้านเป็นพี่สาวของคุณ Kijjaz Monotone ที่มักจะชอบให้ร้องเพลงที่ร้านเพื่อแลกกับกาแฟ ซึ่งในขณะนั้นคุณ Kijjaz จะตั้งบริษัท พอลเลน ซาวด์ (Pollen Sound) ซึ่งเป็นบริษัท Music Production & Sound Design จากนั้นพี่สาวของ Kijjaz จึงชักชวนให้มาทำงานเพลงร่วมกันในโปรเจ็คท์ “สิงโต นำโชค” โดยมี Kijjaz เป็นโปรดิวเซอร์ในอัลบั้มนี้แนวเพลง Surt Music (เซิร์ฟ มิวสิค) คือ สไตล์ดนตรีฟังสบาย เน้นความเป็นอะคูสติก เป็นเพลงที่แม้จะฟังที่ใดเวลาใดแล้วจะได้รู้สึกเหมือนได้ไปนั่งอยู่ริมทะเล ซึ่งสำหรับอัลบั้ม “สิงโต นำโชค” คุณจะได้สัมผัสกับ แนวดนตรี , การใช้ชีวิต , วิธีคิด , งานอดิเรก ในแบบเซิร์ฟๆ ที่ถ่ายทอดออกมาในแบบรูปไทยๆ